วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555
ตลาดน้ำอัมพวา...พาใจเพลิน
ที่มาhttp://topxcite.multiply.com
ตลาดน้ำอัมพวา
“ตลาดน้ำอัมพวา” หากใครๆ เคยได้ยินคงคิดว่าตลาดน้ำอัมพวาแห่งนี้ คงเหมือนตลาดน้ำที่ไหนๆ ที่เริ่มตั้งตลาดพายเรือขายของกันแต่ตอนเช้ากันทั้งนั้น แต่ที่ตลาดน้ำอัมพวา หรือที่หลายๆคนเรียกว่าเป็น "ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา" เพราะเหตุที่ตลาดน้ำอัมพวาเริ่มตั้งตลาดในช่วงเวลาตั้งแต่ประมาณตอนบ่ายสามโมงไปยันช่วงค่ำ ของวันศุกร์,เสาร์ ,อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นอกจากตลาดน้ำอัมพวาจะมีพ่อค้า แม่ค้ามาขายอาหารอันแสนอร่อยให้เลือกชิมแล้ว ที่ตลาดน้ำอัมพวายังมีเสื้อยืดอัมพวา ของที่ระลึกอัมพวา ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ เพื่อนำไปฝากญาติพี่น้องอีกด้วย และที่ตลาดน้ำอัมพวายังมีบรรยากาศห้องแถวเรือนไม้สองฟากคลอง มีของเครื่องใช้ของเก่าแก่สมัยคุณตาคุณยายยังหนุ่มยังสาว ให้เดินชมเพื่อหวนย้อนกลับไปนึกถึงอดีตอันแสนคลาสสิคกันอีกด้วย
ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำ ตั้งอยู่ใน ในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่ระยะทางไม่ห่างจากกรุงเทพมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาตลาดน้ำอัมพวาได้ จากรุงเทพโดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ตลาดน้ำอัมพวานับว่าเป็นจุดที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อีกแห่งหนึ่ง ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจในการเที่ยวชมมาก การเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา สามารถเที่ยวชมได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น โดยที่ตอนเช้านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเดินชมตลาดน้ำอัมพวา ซื้อกับข้าวและของสดที่ตลาดน้ำอัมพวา หรือเพื่อตักบาตรทางน้ำ ซึ่งจะได้บรรยากาศไปอีกแบบ ที่แตกต่างกับตลาดน้ำอัมพวาในยามค่ำคืน โดยตลาดน้ำอัมพวาในช่วงตอนเย็น ถึงช่วงค่ำเหมาะกับการจับจ่ายซื้อหาอาหารกับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของทางเรือ ที่มีอาหารให้เลือกซื้อมากมาย เช่น ขนมไทย อาหารทะเลเผา ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย หอยทอด ผลไม้ ขนมใส่ไส้ ขนมกล้วย ขนมตาล และอื่นๆอีกมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกลับบ้าน หรือซื้อมานั่งกินกันริมบันไดของตลิ่งเลยก็ได้
นอกจากตลาดน้ำอัมพวา จะมีอาหารขายในคลองอัมพวาแล้ว สองข้างทางสองฝั่งคลองอัมพวายังมีร้านค้าขายของที่ระลึกจากตลาดน้ำอัมพวา เพื่อให้ได้เลือกซื้อไปฝากญาติพี่น้อง และคนที่ในครอบครัวที่ยังไม่เคยมาได้สัมผัสตลาดน้ำอัมพวาและในช่วงค่ำนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศนิยมยังสามารถที่จะนั่งเรือชมหิ่งห้อยรอบเกาะอัมพวา ชมสถาปัตยกรรมเรือนไม้เก่ากว่า 100 ปี และมักจะพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์อัมพวา หรือบ้านพักคลองอัมพวา เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนชุมชนอัมพวาที่แสนเรียบง่าย
ที่มาhttp://www.amphawaguide.com
ประวัติความเป็นนมาตลาดน้ำอัมพวา
ที่มารูปภาพ http://www.paiduaykan.com
ตลาดน้ำอัมพวา จะมีทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ตลาดน้ำโดย ทั่วไปมัก จะจัดขึ้นในเวลากลางวัน แต่ตลาดน้ำยามเย็น ที่อัมพวาแห่งนี้ จะจัดขึ้นในช่วงงเวลาเย็นเรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นตลาดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่จัดในลักษณะเช่นนี้ ในตอนเย็นชาวบ้านจะเริ่มทยอย พายเรือนำสินค้าหลากหลายนานาชนิด อาทิ อาหาร ผลไม้ พืชผัก ขนม ของกินของใช้ มาขายให้กับนักท่องเที่ยว หรือคนในท้องถิ่นที่สัญจรไปมาที่ตลาดอัมพวา ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติของชีวิตของชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นที่น่า ประทับใจอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะหาซื้ออาหารมานั่งรับประทาน บริเวณริมคลองอัมพวาติดกับตลาดน้ำ ซึ่งได้มีการจัด สถานที่ไว้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
กิจกรรมของการท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา
ที่มารูปภาพ http://www.paiduaykan.com
ใครที่มาเที่ยวตลาดน้ำ้อัมพวาแล้วไม่ได้มาชิม อาหารพื้นบ้านที่แม่ค้าและพ่อค้าพายเรือ มาขายให้เลือกซื้อเลือก ชิม กิน รวมถึงอาหารที่ขายอยู่ตามร้านอาหารบนฝั่งก็มีให้เลือกชิมเช่นกัน หากใครมาเที่ยวที่นี่ เมนูเด็กที่ไม่ควร พลาด คือ ปลาหมึกและกุ้ง ที่ย่างกันสดๆบนเตาพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บ ก๋วยเตี๋ยวเรือเลิศ รวมถึงขนมพื้นบ้านอย่าง ขนมไข่ที่มีวุ้น หลากสีสรรอยู่ข้างในน่ารับประทานยิ่งนัก ขนมหวานก็มีทองหยิบ ทองหยอด ขนมสอดไส้ เยอะแยะ มากมาย กินไป อยากหาเครื่องดื่มแก้กระหายน้ำก็มีกาแฟโบราณ น้ำผลไม้สมุนไพรต่างๆ ที่มีขายอยู่ทั่วไป ทั้งบน สองข้างทาง
ที่มารูปภาพ http://www.paiduaykan.com
ตลาดน้ำอัมพวาทั้งสองข้างทางไม่ว่าจะฝั่งริมน้ำมีของที่ระลึกให้เราได้เข้าไปเลือกซื้อเลือกหามาฝากคนที่บ้าน เริ่มตั้งแต่ ของที่ระลึกยอดฮิตของตลาดน้ำอัมพวาที่เดินไปทางใดก็เหน็อยู่ตลอดทาง คือ โปสการ์ด ซึ่งบอกเล่า เรื่องราวของเมือง อัมพวานี้ได้เป็นอย่างดี หรือใครอยากได้เสื้อเก๋ๆจากที่นี่ซักตัวก็ลองเลือกแบบเลือกลายดูได้ แบบเก๋ไม่ซ้ำใคร เดินชม ไปตลอด 2 ฝั่ง ก็ชมวิถีชีวิตบ้านเรือนไม้สมัยก่อนไปด้วยก็เพลินดีแท้
ที่มารูปภาพ http://www.paiduaykan.com
ก่อนที่จะมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาในตอนเย็น นักท่องเที่ยวบางคนก็นิยมล่องเรือชมทิวทัศน์ของแม่น้ำแม่กลองเพื่อชม วิถีชิตและบ้านเรือนริมน้ำ ที่จะได้เห็นตลอดทางที่เรือแล่นไป หรืออาจจะแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างที่น่าสนใจ เช่นวัดบางแคน้อบ ค่ายบางกุ้ง โบสต์คริสต์ เป็นต้น
4. ล่องเรือชมหิ่งห้อย
ถือเป็นไฮไลต์เด็ดของการมาท่องเที่ยวที่นี่เลยก็ว่าได้นักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะนั่งเรือชม ประกายความ งามยาม ค่ำคืนชมหิ่งห้อย หรือล่องเรือท่องเที่ยวตามลำน้ำแม่กลอง ก็สามารถติดต่อเรือได้
ติดต่อโทร.089-415-4523 ,ท่าเรือคุณย่า 081-557-0824
การเดินทางไปตลาดน้ำอัมพวา
1.ทางรถยนต์
จากตัวจังหวัดใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 325 ทางเดียวกับไปอำเภอดำเนินสะดวกและอุทยาน ร.2 ประมาณ 6 กม ก่อนถึงสามแยกไฟแดง มีทางแยกทางซ้ายเข้า อ.อัมพวา ไปอีกประมาณ 800 เมตร. ทางแยกซ้ายมือ เข้าตลาดอัมพวา จอดรถบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา
2.รถประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายใต้ รถสาย 996 กรุงเทพฯ-ดำเนินฯ เป็นรถปรับอากาศ ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม ถึง ตลาดอัมพวา สาย 976 กทม.-สมุทรสงคราม ถึงสถานีขนส่งสมุทรสงคราม ขึ้นรถประจำทางสาย 333 แม่กลอง-อัมพวา-บางนกแขวก ถึงตลาดอัมพวา
3.รถตู้
ขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยฝั่งถ.พหลโยธินใต้ทางด่วน ไปอัมพวาด้วยนะครับเป็นรถตู้สาย กทม-แม่กลอง ค่ารถขาไป 70 บาท ตั้งแต่ 6.25-20.00 น. ค่ารถขากลับ 60 บาท ตั้งแต่ 5.30-19.00 น. (รถจอดแถวตลาดแม่กลอง) ลงที่ตลาดแม่กลอง แล้วเดินมาแถวตลาดจะมีคิวรถสองแถวสายที่ไปโรงเจตรงตลาดน้ำอัมพวา ค่ารถ 10 บาท
ที่มาhttp://www.paiduaykan.com
แนะนำเชียงใหม่
เชียงใหม่
ที่มาhttp://thaiastro.nectec.or.th
รูปดอยอินทนนท์
เชียงใหม่นับเป็นศูนย์กลางของจังหวัดในภาคเหนือ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ทั้งทางด้านธรรมชาติอันงดงาม ด้านศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของชาวเชียงใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์น่าประทับใจ และความพรั่งพร้อมในเรื่องสถานที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ ที่หลากหลาย เป็นที่ดึงดูดคนมาท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปี
ช่วงฤดูหนาวจัดเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ช่วงนั้นจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดเทศกาล ทำให้การจราจรในย่านตัวเมืองติดขัด แนะนำให้ใช้รถสองแถว หรือเช่ารถจักรยาน รถมอเตอร์ไซค์ ขี่เที่ยวในย่านตัวเมืองเชียงใหม่จะสะดวกที่สุดการขับรถเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่สภาพเส้นทางลาดชันไปตามไหล่เขา ผู้ขับต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้นและเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ช่วงเวลาสำหรับการดูนกบนดอยอินทนนท์ คือ ช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งจะมีนกอพยพหนีหนาวมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากในเชียงใหม่มีสถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งสวยงามไม่แพ้กัน เช่น ดอยอินทนนน์ ดอยขุนแม่ยะ ดอยขุนช่างเคี่ยน ดอกนางพญาเสือโคร่งมักออกดอกบานสะพรั่งพร้อมกันทั้งต้นในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางไปท่องเที่ยว
ที่มาhttp://thai.tourismthailand.org
ไข่มุกอันดามัน เมืองท่องเที่ยว หลากสีสันระดับอินเตอร์
ที่มาhttp://www.somsiritours.com
ไม่เพียงเพราะภูมิประเทศงดงามทำให้ภูเก็ตเติบโตเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่นี้ยังเต็มเปี่ยมด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรมที่สั่งสมหล่อหลอมอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองอันยาวนานนับแต่ยุคต้นคริสตกาล ภูเก็ตซึ่งขณะนั้นมีชื่อว่า "ถลาง" เป็นเกาะที่นักเดินเรือ ซึ่งเดินทางระหว่างจีนและอินเดียรู้จักในนาม "จังซีลอน" เป็นทั้งท่าเรือและศูนย์กลางการค้า โดยมีสินค้าเด่นคือแร่ดีบุก เป็นสินทรัพย์ในดินที่สร้างรายได้ให้เมืองสืบต่อมาเนิ่นนาน
ล่วงมาสมัยรัชกาลที่ 1 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ขึ้น เมื่อพม่ายกทัพมาตีเมืองถลางขณะนั้นเจ้าเมืองเพิ่งถึงแก่อนิจกรรม คุณหญิงจันผู้เป็นภรรยา และคุณมุกน้องสาว จึงร่วมกันนำกำลังผู้คนรับมือกับการตีเมืองของพม่าด้วยแผนการอันแยบยล จนพม่าถอยทัพกลับไปเพระความกล้าหาญและคุณงามความดีนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้คุณหญิง จันเป็นท่านท้าวเทพกระษัตรีและคุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทรปรากฎนามกระเดื่องใน ฐานวีรสตรีไทยมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อบ้านเมืองสงบ บรรยากาศของการค้าขายก็กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อความต้องการแร่ดีบุกของตลาดโลกเพิ่มขึ้นจนแรงงานขุดแร่ไม่เพียงพอ ถึงขนาดต้องรับคนจีนที่ทำเหมืองแร่อยู่ในปีนังและสิงคโปร์มาเป็นคนงาน ยุคนั้นเองที่ชาวจีนฮกเกี้ยนได้เข้ามาตั้งรกรากในภูเก็ต มีการสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบสถาปัตยกรรมโคโลเนียลและตกแต่งรายละเอียด ด้วยศิลปะจีนอันเป็นเอกลัษณ์ของภูเก็ตเช่นที่เห็นทุกวันนี้
มาเยือนภูเก็ต แล้วคุณจะรู้ว่าเกาะแห่งนี้เต็มเปี่ยมด้วยคุณค่า ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและทรัพยากรธรรมชาติที่มากมาย ทั้งบนดินและใต้น้ำรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสารพันที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ที่มาhttp://thai.tourismthailand.org
สารคดีสั้นตอน...เสน่ห์เชียงคาน
ที่มาhttp://travel.kapook.com "อยากให้ทุกคนมองเชียงคาน...อย่างที่เชียงคานเป็น"
รักเลยที่เชียงคาน
http://www.2how.com
เชียงคานเป็นอำเภอเล็กๆแห่งหนึ่งของจังหวัดเลย เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายของความโบราณ บรรยากาศที่เงียบสงบ และอากาศค่อนข้างจะเย็นสบายบรรยากาศคล้ายเมืองปาย แต่สงบเงียบมากกว่า หากเปรียบ อ.ปาย เป็นสาวรุ่นที่กำลังเริ่มจะใจแตก เชียงคานก็ถือว่ายังเป็นเด็กน้อยวัยละอ่อน ที่ยังไร้การแต่งแต้มสีสันใส่จริต
เชียงคานในความทรงจำ
การเดินทางที่ไปพร้อมกับเพื่อนได้ผ่านไปไม่นานนักและความรู้สึกประทับใจกับสถานที่นี้ก็ยังไม่เลือนหายไป ทันทีที่เดินทางมาถึงเชียงคาน ก็มีความรู้สึกว่าชีวิตของเราเดินช้าลง ไม่ต้องไปเร่งรีบกับชีวิตให้วุ่นวายใช้จักรยานแทนรถเครื่อง อาคารไม้เก่าแก่ดูเป็นเสน่ห์ดึงดูดแรกๆ ที่คนมาเที่ยวเชียงคานนึกถึง เดินไปทางไหนก็มีแต่รอยยิ้มและมิตรไมตรีของผู้คนที่นี่ที่พร้อมต้อนรับบุคคลแปลกหน้าอย่างสม่ำเสมอวันนั้นมีคำน่ารักๆที่ คนที่นั่นเรียกเราคือ "อิน้อยๆ" น่ารักดี
เชียงคาน
http://www.2how.com
- วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน จากเชียงคาน - ปากชมประมาณ 6 กิโลเมตร พระพุทธบาทภูควายเงินเป็นรอยพระพุทธบาทประดิษฐานบน
หินลับมีด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อพ.ศ. 2478 รอยพระพุทธบาทภูควายเงินเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านในแถบนี้มาก
ทุกปีในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 3 ทางวัดจะจัดงานสมโภชประจำปีถือเป็นงานสำคัญของชาวบ้านในแถบนี้
- วัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงคาน สวยงามด้วยศิลปะที่ผสมผสานระหว่างล้านนาและล้างช้าง
- วัดโพนชัย ที่มีซุ้มประตูวิหารทรงโค้งแปลกตา
- วัดท่าแขก ที่อยู่บนเส้นทางที่จะไปแก่งคุดคู้ ก็มีความงามไม่น้อยหน้าเช่นกัน เพราะเป็นวัดเก่าแก่โบราณ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ปัจจุบันเป็น
วัดธรรมยุต ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์มาก
สิ่งที่น่าหลงไหลในเชียงคานคือ...
พาหนะที่พวกเราใช้ตลอดการอยู่ที่นี่ซึ่งก็คือจักรยาน ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายไปในตัวและช่วยลดภาวะโลกร้อน ไม่เฉพาะพวกเราเท่านั้น ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ก็ยังอนุรักษ์ไว้ มีบ้างที่เปลี่ยนเป็นรถเครื่อง ซึ่งเป็นไปตามกาลเวลาตามนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่แต่ก็ไม่ได้มากมายจนทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป เพราะถึงแม้สิ่งต่างๆจะหมุนเวียนไปตามโลก แต่ความสงบของเชียงคาน ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีไม่เสื่อมคลาย ระหว่างที่ปั่นจักรยานชมความงามของเมืองเชียงคาน สายตาของเรา
ก็จะได้ได้สัมผัสกับสภาพบ้านเรือนของที่นี่ ที่ต่างยังคงเป็นแบบเรือนไม้ดั้งเดิม อาจมีบางหลังที่แปรสภาพเป็นปูนไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทำให้การมาเยือนของเราสนุกสนานกับการได้บันทึกความทรงจำไว้เป็นภาพถ่าย และมีความสุขที่ได้ยินเสียงกดชัตเตอร์บันทึกภาพแต่ละใบ บ้านเรือนแต่ละหลังก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เก่ามากบ้าง เก่าน้อยบ้าง แต่เรากลับคิดว่า
นี่แหละคือเสน่ห์ของเชียงคานจริงๆ มันดูคลาสสิคและมีเสน่ห์
กิจกรรมที่น่าสนใจ...
กิจกรรมในช่วงเช้าที่ทุกคนพร้อมใจกันทำ นั่นคือการใส่บาตรบ้านแต่ละหลังก็จะหุงหาอาหารพร้อมสรรพ ทุกๆเช้าจะมาพระบิณฑบาตรเดินเรียงกันเป็นภาพที่ดูน่าประทับใจยิ่งนัก ใครๆหลายคนบอกที่กรุงเทพฯก็มีภาพแบบนี้ แต่สำหรับเรากลับรู้สึกว่าที่นี่มันมีมนต์เสน่ห์อบ่างบอกไม่ถูก ส่วนกิจกรรมส่วนใหญ่ในยามสายของผู้เฒ่าผู้แก่ที่นี่ก็คือการมานั่งสนทนากัน มองดูชีวิตที่แปลกหน้าแปลกตาที่หมั่นแวะเวียนมาเยือนเชียงคาน หลายชีวิตมาแล้วก็จากไป หลายชีวิตก็ทิ้งความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ย้อนกลับมาโหยหาความสงบอีกครั้งอย่างไม่มีวันเบื่อ
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเพิ่มเติม...
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาดก็คือ แก่งคุดคู้ที่มีแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง ปั่นจักรยานมาประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงแล้ว ที่นี่จะมีหินก้อนใหญ่ ๆ จำนวนมาก ด้วย ความที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเวลานาน ทำให้หินมีสีสันแตกต่างกันกันออกไป ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง
มีกระแสน้ำไหลผ่านไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง เวลาที่เหมาะจะชมแก่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ -พฤษภาคมเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งชัดเจน และตลอดเส้นทางไปแก่งคุดคู้ จะมีของฝากขึ้นชื่อนั่นก็คือ มะพร้าวแก้วฝีมือของชาวบ้านรับรองอร่อยไม่แพ้เจ้าใดๆ
ที่พัก...
เชียงคาน มีเกสเฮ้าต์หลายแห่ง ราคาแตกต่างกันไป แต่ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เรือนแรมลูกไม้ แซมเกสเฮ้าต์์ เชียงคานเกสเฮ้าท์ และอีกมากมายที่ตั้งอยู่บนถนนชายโขงติดริมแม่น้ำโขง สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เช่น โฮมสเตย์ของคุณยายศรีพรรณ ด้วยความที่แกอยู่คนเดียวแขกทุกคนที่ไปเยือนจึงเปรียบเสมือนลูกหลานที่จากบ้านไปไกลแล้วกลับมาเยี่ยมแกอีกครั้ง คุณยายศรีพรรณ จะรู้สึกกระตือรือร้นต้อนรับแขกผู้มาเยือนทุกครั้ง จัดการหุงหาอาหาร นึ่งข้าวเหนียวใส่บาตรช่วงเช้า ขอเพียงผ่านไปทักทายคุณยายบ้าง ก็คงจะพอคลายเหงาให้แกได้ไม่น้อย
ส่วนอีกที่ที่แนะนำ คือ บ้าน "นิยมไทย" ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามบ้านของคุณยายศรีพรรณก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดี เป็นคุณยายอีกท่าน บ้านหลังนี้จะผลิตผ้านวมทำมือซึ่งเป็นของขึ้นชื่อเมืองเชียงคาน เวลาไม่ได้ทำกิจกรรมอื่นๆก็มานั่งคุยกับแก การที่คนสองวัยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ซึ่งกันและกันได้ดีทีเดียว เพราะช่วงชีวิตในแต่ละวัยในกาลเวลาที่พ้นผ่าน ย่อมมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นการแลกเปลี่ยนความคิด จึงเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรได้เพิ่มเติมขึ้น และถ้าใครสนใจ
ก็สามารถซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยก็ได้นะ
ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงไม่แปลกใจเลยว่า เชียงคาน ถึงยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่หลายๆคนต่างหมายปองจะเดินทางมาสัมผัส บางคนอาจมองว่าไม่ีมีอะไร แต่ในความที่ไม่มีอะไร นั่นแหละมันมีมากพอ หากคุณลองเปิดใจสักนิดไม่ปิดกั้นตัวเองอยู่ในกรอบแคบๆ เส้นทางการเดินทางของคุณอาจจะยาวไกลขึ้นก็ได้
ใครจะรู้ และตราบใดที่ยังมีทางให้คุณเดิน ขอให้คุณจงเดินต่อไปอย่าหยุดยั้ง การท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ จะทำให้คุณเปิดโลกทัศน์ได้กว้างไกลขึ้น และเชียงคาน ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกของคนที่ชอบท่องเที่ยวเช่นคุณ เชียงคาน...ในวันนี้ ยังเปิดใจรอต้อนรับทุกรอยเท้าที่พร้อมจะก้าวเข้ามาสัมผัส
ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวนะคะ
ขอบคุณเรื่อง จาก คุณ เอ
เยี่ยมเยียนได้ที่ http://phitchaphat.multiply.com
อัพเดทข้อมูลท่องเที่ยวเชียงคานเพิ่มเติม
การเดินทางไปเชียงคาน
1. โดยรถส่วนตัว
- จากกรุงเทพใช้ทางหลวงหมายเลข 1(พหลโยธิน) เมื่อถึงจ. สระบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่าน อ. ปากช่องลำตะคอง
แยกซ้ายเข้าอ.สีคิ้ว จ. นครราชสีมาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 201 ผ่านอ.ด่านขุนทดเข้าสู่ จ. ชัยภูมิ แยกขวาและไปตามทางหลวง
หมายเลข 201 ผ่านอ. คอนสวรรค์ อ. แก้งคร้อ ,อ. ภูเขียว,อ.ชุมแพ จ. ขอนแก่น เมื่อเชื่อมกับทางหลวงหมายเลข 12 แยกซ้ายไปทาง
อ .คอนสาร จากนั้นแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 201 สู่เขต จ.เลยอีกที ที่ภูผาม่าน ผ่านภูกระดึง วังสะพุง ถึงตัวเมืองเลย สุดท้ายแยกขวาสู่อ.เชียงคาน รวมระยะทางประมาณ 597 ก.ม.
2. โดยรถสาธารณะ
รถโดยสารไปเชียงคาน มีเฉพาะของ บริษัทขนส่ง เท่านั้น ที่ไปถึงเมืองเชียงคาน โดยตรง
- กรุงเทพฯ-เชียงคาน เที่ยวไปเชียงคานมี 2 รอบ คือ รถป. เวลา 20.00 น. และรถ VIP 22.00 น. โทร 0-2936-2841-8),(0-2936-0657)ต่อ605
- เชียงคาน-กรุงเทพ มี 3 รอบ คือ รถ ป. 2 รอบ 18.40 น. รถป 1 (ต่อรถที่ตัวเมืองเลย) รอบ 19.30 น. รถ VIP 22.00 น. ซื้อตั๋วได้ที่ร้านแสงทอง ตรงตลาดเช้า โทรจองตั๋วล่วงหน้าได้ที่แอร์เมืองเลย โทร 042 811 706
เที่ยวอย่างไรในเมืองเชียงคาน
เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของเมืองเชียงคาน รถจักยานยนต์และรถจักรยาน ถือเป็นพาหนะที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งรีสอร์ท และ เกสต์เฮาส์แต่ละแห่งก็จะมีคอยให้บริการอยู่แล้ว หากต้องการเดินไปแก่งคุดคู้ก็ไปเช่าหารถสกายแล็ปแถวตลาดราคา100บาทค่ะ
ร้านอาหารแนะนำ
- ร้านลุกโภชนา 042 821 281
- ร้านบ้านต้นโขง 0 4282 1281
ที่พักแนะนำ
- สองผัวเมีย
- สุเนตตา โฮเทล
- ดิโอลเชียงคาน บูติคโฮเต็ล
- เถ้าแก่ลาว
- โรงแรมบ้านเฮา
- มาเลยเด้
ที่มา http://www.paiduaykan.com/travelstory/travel_story_chaingkhan.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)